โรคเบาหวาน ถือเป็นหนึ่งในโรคเรื้อรังที่คุกคามคนไทยมาก พบผู้ป่วยโรคเบาหวานมากถึง 5 ล้านราย
ด้วยพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปคือ การรับประทานอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล และไขมันมากขึ้น รวมทั้งขาดการออกกำลังกาย และการดำเนินชีวิตที่เร่งรีบในเมือง เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเบาหวาน ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก เผยว่าประชากรทั่วโลกที่มีอายุมากกว่า 18 ปี ป่วยเป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 8.5 และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โรคเบาหวานก่อให้เกิดความผิดปกติของหลอดเลือดทั่วร่างกาย ซึ่งมักนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนในอวัยวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความผิดปกติที่สมอง หัวใจ ไต อาการเส้นประสาทชาตามปลายมือและเท้า ตลอดจนการสูญเสียทางการมองเห็นอย่างเฉียบพลัน อันเป็นผลจากภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตา หรือที่มักเรียกกัน ว่าเบาหวานขึ้นตา
รศ.นพ.ภฤศ หาญอุตสาหะ ประธานชมรมจอประสาทตาแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลว่าโรคเบาหวานขึ้นจอประสาทตาเริ่มจากหลอดเลือด ในจอตาเกิดความผิดปกติ โดยระยะแรกหลอดเลือดฝอยที่จอประสาทตามีอาการโป่งพองและ แตกเป็นจุดเลือดออกเล็กๆ หากปล่อยทิ้งไว้จนเกิดการรั่วซึมมากขึ้น จะทำให้ตามัวลงเนื่องจากจุดภาพชัดบวม ต่อมาเมื่อโรคลุกลามมากขึ้นจนเกิดการอุดตันของหลอดเลือด จะทำให้เกิดภาวะจอตาขาดเลือด และกระตุ้นให้เกิดการสร้างหลอดเลือดใหม่ตามกลไกทางธรรมชาติ ซึ่งมักก่อให้เกิดเนื้อเยื่อเป็นพังผืดยึดดึงจอตาจนฉีกขาด ส่งผลให้ผู้ป่วยสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรในที่สุด
ทั้งนี้ภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตาอาจเกิดขึ้นกับดวงตาเพียงข้างเดียว หรือดวงตาทั้งสองข้างในเวลาเดียวกัน ผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานนาน 15 ปีขึ้นไป มีโอกาสเกิดโรคเบาหวานขึ้นจอประสาทตามากถึงร้อยละ 80 โดยสัดส่วนดังกล่าวจะเพิ่มมากขึ้นตามระยะเวลาการป่วยเป็นโรคเบาหวาน ยิ่งไปกว่านั้น คนไทยเกือบร้อยละ 50 ยังไม่ทราบว่าตนเองป่วยเป็นโรคเบาหวาน และยังมีอีกจำนวนมากที่รู้ตัวแต่กลับไม่เข้ารับการรักษา หรือละเลยการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดี หากผู้ป่วยโรคเบาหวานไม่ได้รับการตรวจตาและเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที ผู้ป่วยจะมีความเสี่ยงอาการแทรกซ้อนทางจอตา โดย 1 ใน 5 มักสูญเสียการมองเห็นอย่างรวดเร็วภายใน 3 ปี
นอกจากนี้ ภาวะจุดภาพชัดบวมอาจเกิดกับดวงตาเพียงข้างเดียว จึงทำให้ผู้ป่วยบางรายไม่รู้ตัวว่าการมองเห็นในตาข้างใดข้างหนึ่งของตนบกพร่อง ฉะนั้นผู้ป่วยโรคเบาหวานควรหมั่นทดสอบการมองเห็นของตาทีละข้างเป็นประจำด้วยตนเอง โดยปิดตาข้างใดข้างหนึ่งแล้วใช้ตาข้างเดียวมอง หากพบว่าตามัวลงควรรีบพบแพทย์
หากพบว่ามีอาการของโรคเบาหวานขึ้นจอประสาทตา ควรควบคุมระดับน้ำตาลและความดันโลหิต โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองในหลายๆ ด้านเพื่อชะลอการทรุดตัวของโรค และเพิ่มโอกาสตอบสนองต่อการรักษา นอกจากการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม โดยหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนประกอบของแป้งและน้ำตาลในปริมาณมาก